การวางแผนการเงิน ( Financial Planning ) หมายถึง กระบวนการวางแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินของแต่ละบุคคลอาจจะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Personal Finance
ทำไมต้องวางแผนการเงิน
1.คนอายุยืนขึ้น
ปัจจุบันคนไทยมีอายุเฉลี่ย 71 ปี แต่ถ้าเราเก็บสถิติเฉพาะคนไทยที่อายุ 60 ปีขึ้นไป จะพบว่าท่านเหล่านั้นจะอยู่ได้อีกประมาณ 20 ปี ( ข้อมูลจากสถาบันประชากรและสังคม ม.มหิดล ) ดังนั้น จึงเป็นเรื่องน่าคิดว่า ช่วงเวลาหลังเกษียณที่ต้องอยู่อีกตั้ง 20 ปี เราจะอยู่กันอย่างไร ถ้าไม่มีการวางแผนการเงินที่ดีพอ
2.โครงสร้างสังคมเปลี่ยนไป
เดิมคนไทยอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ ปัจจุบันแยกย้ายกันอยู่ เป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น การคาดหวังให้ลูกหลานเลี้ยงดู เป็นเรื่องที่หวังได้น้อยลง เราจึงต้องเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ
3.ค่าครองชีพในอนาคตจะสูงขึ้นมาก
ข้าวของในท้องตลาดมีราคาสูงขึ้นทุกวัน อีก 20-30 ปีข้างหน้าในวันที่เราเกษียณ สินค้าที่จำเป็นอาจแพงขึ้นอีก 1-2 เท่าตัว โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาล ที่มักมีอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายมากกว่าเงินเฟ้อเสมอ ดังนั้นงบประมาณที่เราเตรียมไว้อาจไม่เพียงพอ ถ้าไม่ได้คำนวนเผื่อค่าเงินเฟ้อไว้ด้วย
4.สวัสดิการของรัฐไม่เพียงพอแน่
ในอีก 15 ปีข้างหน้า สัดส่วนของประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะเพิ่มเป็น 20% นั่นหมายความว่า 1 ใน 5 ของคนไทยจะเป็นคนสูงอายุ ขณะที่สัดส่วนของคนวัยทำงานต่อคนสูงอายุจะลดลงจาก 6:1 ในปัจจุบันเป็น 3:1 ในปี 2021 ทำให้ภาษีที่รัฐเก็บได้จะไม่เพียงพอต่อการจัดหาสวัสดิการให้คนสูงอายุ หรือหากทำได้ก็เป็นแบบพื้นๆเท่านั้น
5.ผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีความซับซ้อนมากขึ้น สมัยก่อนการฝากเงินในธนาคารให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจและมีความมั่นคงสูง เดี๋ยวนี้ดอกเบี้ยเงินฝากลดน้อยลงมาก ขณะที่ช่องทางการลงทุนใหม่ๆมีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น แต่ก็มีรูปแบบและความเสี่ยงแตกต่างกันออกไป การทำความเข้าใจและรู้จักวางแผนการลงทุนให้ถูกต้องเหมาะสมกับแต่ละบุคคล จะทำให้บรรลุเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
6.ทำให้เราสามารถเกษียณอายุได้เร็วขึ้น
หากมีการวางแผนที่ดีและเริ่มต้นเร็ว ย่อมบรรลุเป้าหมายได้เร็วกว่า ไม่ว่าจะเป็นเงินออมที่เก็บได้มากขึ้น ดอกเบี้ยทบต้นที่สูงขึ้น หรือการสามารถหาประโยชน์จากโอกาสดีๆที่บังเอิญผ่านเข้ามา เพราะเรามีเงินออม เงินก้อนที่เก็บเอาไว้ เช่น ซื้อที่ดินทำเลสวยจากคนที่ร้อนเงิน หรือ ซื้อหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาตกลงมามากเกินควร
7.ช่วยรองรับความเสี่ยงของชีวิตได้มากขึ้น
ชีวิตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เราอาจโชคร้าย เจ็บป่วย หรือ เกิดอุบัติเหตุหนักๆขึ้นได้ แต่ถ้าเรามีการวางแผนการประกันภัยไว้ ย่อมสามารถบรรเทาภาระต่างๆลงได้ หรือ เราเกิดตกงานกระทันหัน มีคนในครอบครัวป่วย การมีเงินเก็บสำรองไว้ ย่อมหลีกเลี่ยงความยุ่งยากจากการต้องไปกู้หนี้ยืมสินเงินกู้นอกระบบลงได้
******************************************************************************************
*********************************************************************************************
ปิรามิดแห่งการวางแผนทางการเงิน
ในส่วนของ Basic Needs & Risk Management คือความต้องการขั้นพื้นฐานในการดำรงชีพในชีวิตประจำวัน Basic Needs หมายถึง การมีเงินออมเผื่อฉุกเฉินที่สามารถรองรับค่าใช้จ่ายไว้อย่างน้อย 3-6 เดือน ของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เช่น คุณมีค่าใช้จ่ายต่อเดือน 10,000 บาท แสดงว่าคุณควรจะมี Emergency Cash หรือเงินออมเผื่อฉุกเฉิน จำนวน 30,000 – 60,000 บาท และในส่วนของ Risk Management อธิบายอย่างง่าย ๆ เลยจะหมายถึง การมีประกันที่เพียงพอ หรือ การวางแผนการประกันโดยแยกประเภทใหญ่ ๆ ได้เป็น 3 ส่วนคือ
1. Income Protection การทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองรายได้
2. Health Protection การทำประกันสุขภาพ อุบัติเหตุ และ โรคร้ายแรง
3. Asset Protection การทำประกันเพื่อคุ้มครองสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น รถยนต์ บ้าน และ ธุรกิจ
สามเหลี่ยมที่เป็นฐานชั้นที่ 2
ในส่วนของ Accumulation ในส่วนนี้จะผ่านการวางแผนทางการเงินในเรื่องของ
1. การวางแผนภาษี
หากส่วนนี้เรามีการวางแผนดี ๆ จะทำให้เรามีเงินเพิ่มมากขึ้น เรียกง่าย ๆ ว่าเปลี่ยนเงินที่ต้องจ่ายภาษีมาเป็นเงินออมของเราเพียงเท่านี้เราก็จะมีเงินเก็บส่วนตัวเพิ่มขึ้น และ กลยุทธ์ง่าย ๆ ที่จะทำให้ประหยัดภาษีก็คือ
- ลด เงินได้พึงประเมินให้ต่ำลง
- เพิ่ม ค่าใช้จ่าย และ ค่าลดหย่อน ให้สูงขึ้น
2. การวางแผนการเกษียณ
ในส่วนนี้เราควรวางแผนเกษียณแต่เนิ่น ๆ หรือเพิ่งเริ่มทำงานจะดีมาก เพราะจะตรงกับคำพูดที่ว่า
“ ออมก่อนรวยกว่า” ซึ่งตัวช่วยที่สุดยอดก็คือ “ พลังของดอกเบี้ย” ทั้งจะทำให้เราออมเงินได้อย่างสบาย ๆโดยไม่ทำให้เรารู้สึกว่าตึงหรือหนักจนเกินไปซึ่งเมื่อถึงวัยเกษียณแล้ว การมีเงิน 10 ล้าน ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้สำหรับเรา หากเลือกได้เมื่อถึงวัยเกษียณ
“ การเป็นคนแก่น่ารำคาญ (หมายถึงพอแก่แล้วไม่มีเงินเป็นภาระของลูกหลาน) กับ เป็นคนแก่เจ้าสำราญ (หมายถึง พอแก่แล้วมีเงินทองมากมายลูกหลานรักใครห้อมล้อม)” หากตอนนี้ยังมีเวลาเลือกได้ การเป็น
“ คนแก่เจ้าสำราญ” น่าจะดีกว่าจริงมั้ยครับ
สามเหลี่ยมชั้นที่ 3 ชั้นสุดท้าย
คือในส่วนของการลงทุน ซึ่งในแง่ของเศรษฐศาสตร์แล้ว การลงทุน คือ
“ การเลื่อนการบริโภคออกไปในอนาคต” ในส่วนนี้เป็นส่วนสุดท้ายของการวางแผนทางการเงินซึ่งการลงทุนนั้นโดยมากคนทั่วไปมักจะมุ่งหวังกำไรสูงสุดเป็นที่ตั้ง แต่ความจริงแล้วหลักในการพิจารณาที่จะลงทุนสิ่งสำคัญควรคำนึงถึง รายได้ ไลฟ์สไตล์ ช่วงอายุ และ การยอมรับในส่วนต่างของการ ขาดทุน หรือ กำไร จากการลงทุน และ อย่าลืมสัจจะธรรมของการลงทุนที่ว่า
“High Risk High Return & Low Risk Low Return” ****************************************************************************************
โครงสร้างการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล
การวางแผนการประกัน
การประกันภัยเป็นส่วนสำคัญอีกประการหนึ่งและเป็นขั้นตอนระดับพื้นฐานในการวางแผนทางการเงิน ซึ่งเป็นการให้ความคุ้มครองทางการเงิน และ ความมั่นใจในการดำรงชีวิตแก่ตนเอง และ ครองครัวที่ได้รับความเดือนร้อนหรือความเสียหายจากการทุพพลภาพ หรือจากการสูญเสียชีวิตของผู้มีรายได้หรือหัวหน้าครอบครัวก่อนวัยอันควร นอกจากนั้น การประกันชีวิตยังส่งเสริมและฝึกนิสัยบุคคลให้รู้จักเก็บออมอีกด้วย
ค่าใช้จ่ายในการประกันภัย ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นประโยชน์สำหรับอนาคต เนื่องจากทุกชีวิตมีความเสี่ยงที่อาจจะประสบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เราไม่คาดคิด ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องสูญเสียรายได้ ชีวิต และทรัยพย์สิน ดังนั้นคุณจึงควรวางแผนในการทำประกันภัย เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวา ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาหรืออุบัติเหตุดังกล่าวจะได้ไม่ต้องนำเงินออมหรือเงินที่ลงทุนไว้มาใช้
เพราะความไม่แน่นอนคือความแน่นอน การทำประกันเพื่อบรรเทาความสูญเสียทางการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สามารถจัดการกับความสูญเสียจากการเสี่ยงภัยได้ด้วยตนเอง
การเลือกประเภทของการประกัน การประกันแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ การประกันชีวิตและการประกันภัย และยังสามารถแบ่งย่อยได้อีกหลายลักษณะ ทั้งการประกันสุขภาพ การประกันอุบัติเหตุ การประกันอัคคีภัย การประกันโจรกรรม การประกันแบบสะสมทรัพย์ แบบชั่วระยะเวลา ฯลฯ เราจึงควรเลือกทำประกันให้สอดคล้องกับความจำเป็นทางการเงิน และความเสี่ยงภัยของเรา โดยพิจารณาประกอบกับสวัสดิการ หรือความคุ้มครองที่ได้รับจากหน่วยงานต้นสังกัดว่าที่มีให้เรานั้นเพียงพอแล้วหรือยัง?
ข้อความจาก www.tsi-thailand.org และ หนังสือ “ เงินทองต้องใส่ใจ “ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
_____________________________________________________________________________
การวางแผนการศึกษาบุตร
เมื่อครอบครัวมีสมาชิกตัวน้อยๆ สายใยรักแห่งครอบครัวก็ถักทอแน่นหนาขึ้น หน้าที่สำคัญของพ่อและแม่ก็คือ การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี ส่งเสริม สนับสนุนให้การศึกษาที่ดีแก่ลูกเพื่อให้ลูกพึ่งพาตนเองได้ ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ในการสร้างบุคลากรที่ดีให้แก่สังคมของพ่อและแม่จัดการได้โดยการเริ่มวางแผนการศึกษาแก่บุตรตั้งแต่ก่อนวัยเรียน
การหาข้อมูลสถานศึกษา
เพื่อวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งในด้านการจัดการเรียนการสอน การเดินทาง ค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ สภาพแวดล้อม บรรยากาศการเรียน จำนวนครู อาจารย์ ผู้ช่วยสอน ความน่าเชื่อถือ
กำหนดเป้าหมายจำนวนเงิน
เนื่องจากค่าเล่าเรียนที่แตกต่างกันค่อนข้างมากระหว่างโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน หรือโรงเรียนสองภาษา โรงเรียนนานาชาติ พ่อแม่จึงควรเลือกโรงเรียนที่ได้มาตรฐานตามความต้องการของครอบครัวและมีค่าใช้จ่ายในการเรียนเหมาะสมกับรายได้ของครอบครัว เพื่อกำหนดจำนวนเงินที่ต้องใช้ตลอดจนจบการศึกษาของลูก
วางแผนการจัดสรรค่าใช้จ่าย ไว้สำหรับการศึกษา
ควรเน้นการเก็บออม และการลงทุนระยะยาวที่มีความมั่นคง เพื่อให้เงินออมเพิ่มมูลค่าได้อย่างเพียงพอและสม่ำเสมอประกอบควรทำประกันชีวิตไว้ส่วนหนึ่งเผื่อถ้ามีเหตุการไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับเรา ลูกน้อยของเราจะได้มีทุนการศึกษาไว้เล่าเรียนต่อในยามที่เราไม่สามารถดูแลพวกเค้าอีกต่อไปได้
ในปัจจุบันมีทางเลือกในการเรียนเพิ่มขึ้นมากมาย ทั้งโรงเรียนสองภาษา โรงเรียนนานาชาติ หรือการไปเรียนต่างประเทศ ถือเป็นโอกาสที่ดีทางการศึกษา ควรส่งเสริมให้ลูกๆ ได้มีส่วนช่วยในการเปรียบเทียบข้อมูล ช่วยตัดสินใจ และช่วยวางแผนการศึกษาของตนเอง เมือถึงวัยอันควร รวมทั้งร่วมกันหาข้อมูลทุนการศึกษาประเภทต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกๆ เอาใจใส่ในการเรียน
_______________________________________________________________________________
การวางแผนภาษี
เนื่องจากรัฐบาลจะใช้มาตรการทางภาษี เพื่อส่งเสริมการออมของประชาชน เราจึงควรศึกษามาตรการทางภาษีเหล่านี้ เพื่อประโยชน์ในการวางแผนภาษีส่วนบุคคล ซึ่งจะช่วยให้เราเสียภาษีได้อย่าง ถูกต้อง ถูกสตางค์ และถูกใจ ซึ่งเริ่มต้นง่ายๆ จากการทำความเข้าใจในรายละเอียดเกี่ยวกับภาษีเงินได้ที่เราจะต้องเสีย แล้วใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้คุ้มค่า
การใช้สิทธิประโยชน์จากเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี กรมสรรพากร
* ได้กำหนดให้มีเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้นภาษีไว้ 28 ประเภท ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่า 50 รายการ ที่เราควรจะศึกษา ทำความเข้าใจ และจัดเตรียมเอกสารรับรองให้ครบถ้วน เพื่อไม่ให้เสียประโยชน์ที่จะได้รับจากการยกเว้นภาษี ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างสินค้าทางการเงินที่เห็นได้ชัดอีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากกรมสรรพากรด้วยคือ
1.เงินได้ที่จ่ายซื้อเบี้ยประกันชีวิต ให้หักเป็นค่าลดหย่อนได้ตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท / ปี
2.เงินได้ที่จ่ายซื้อหน่วยลงทุน กองทุนรวม LMF ให้หักเป็นค่าลดหย่อนได้ 500,000 บาท/ปี
(ปัจจุบัน หักลดหย่อนได้ 700,000บาท/ปี) ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 15% ของรายได้พึงประเมินต่อปี
3.เงินได้ที่จ่ายซื้อหน่วยลงทุน กองทุนรวม RMF ให้หักเป็นค่าลดหย่อนได้ 500,000 บาท/ปี
* (ปัจจุบัน หักลดหย่อนได้ 700,000 บาท/ปี) ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 15% ของรายได้พึงประเมินต่อปี
_________________________________________________________________________________
การวางแผนการลงทุน
การวางแผนการลงทุน คือ การกำหนดนโยบายการลงทุน เพื่อที่จะได้แบ่งสรรเงินออมที่มีในขณะนั้น แล้วนำไปลงทุนต่อไป
เหตุที่เราต้องจัดสรรเงินลงทุนเพราะ มีตราสารทางการเงินหลากหลายประเภทที่เราอาจนำเงินไปลงทุนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้นได้ เช่นการลงทุนในหุ้นทุน พันธบัตรที่ออกจำหน่ายโดยรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลให้การค้ำประกัน หุ้นกู้ กองทุนรวม กรมธรรม์ประกันชีวิต หรือแม้แต่ในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งล้วนเป็นเครื่องมือทางการเงินที่เรารู้จักกันดี
สิ่งที่เราต้องเข้าใจคือ เครื่องมือหรือตราสารทางการเงินแต่ละประเภทนั้นล้วนมี “ ความเสี่ยง” ในการลงทุนที่แตกต่างกันไป และผู้ลงทุนแต่ละคนสามารถรับอัตราความเสี่ยงได้ไม่เท่ากันด้วย
ความเสี่ยง ที่เราในฐานะผู้ลงทุนคนหนึ่งควรจะทราบไว้ เพื่อจะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนนั้น แยกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท คือ
1. ความเสี่ยงที่ไม่สามารถกระจายได้ เป็นความเสี่ยงของระบบหรือของตลาด ที่เขาใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Systematic Risks ตัวอย่างของความเสี่ยงชนิดนี้คือ ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ จากอัตราดอกเบี้ย และจากเรื่องของการเมือง คุณคงจะเห็นแล้วว่าเรื่องทั้งหลายที่กล่าวมานั้นหากเราลงทุนอยู่ในตลาดของประเทศหนึ่งประเทศเดียวเท่านั้น และเกิดมันมีการเปลี่ยนไปไม่ว่าจะอย่างไร ทางไหน การลงทุนของเราต้องโดนผลกระทบแน่ๆ ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย
2. ความเสี่ยงที่สามารถกระจายได้ หรือ Non-Systematic Risks ขอให้ตัวอย่างของความเสี่ยงชนิดนี้ไว้คร่าวๆ คือ ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของกิจการที่เราไปลงทุนอยู่ และความเสี่ยงของอุตสาหกรรมโดยรวม
วิธีลดความเสี่ยงประเภทที่สองนี้ คือ แบ่งการลงทุนออกไปในภาคอุตสาหกรรม (ที่ดีๆ และมีอนาคตด้วย) มากกว่าหนึ่งอย่าง พร้อมๆ กับลงทุนในหลายๆ บริษัท หรือที่เราคุ้นกับสุภาษิตไทยโบราณที่ว่า “ อย่าใส่ไข่รวมไว้ในตะกร้าเดียว” นั่นเอง
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายว่า มีคนอีกหลายคนที่เมื่อกำหนดนโยบายการลงทุนได้แล้ว แทนที่จะเริ่มลงทุนตามนโยบายการลงทุนที่ตนเองกำหนดไว้ แต่กลับคอยโยกย้ายเงินลงทุนของตนไปตามกระแส หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายการลงทุนของตนไป เมื่อมีใครมาเคาะประตูเสนอขายสินค้าทางการเงินโดยใช้ “ ผลตอบแทนการลงทุน” มาเป็นเครื่องล่อใจ
หลายคนมักจะคิดว่า...เรามีเงินลงทุนน้อยนิดเดียว จำเป็นด้วยหรือที่ต้องวางแผนการลงทุน?
ในความเป็นจริงแล้ว คนที่ควรจะต้องวางแผนการลงทุน และอาจจะต้องการให้มีผู้วางแผนการลงทุนที่ชำนาญมาช่วยกำหนดแผนการลงทุนให้นั้น ควรจะเป็นคนชั้นกลางที่พอมีเงินเหลือเก็บ เพราะเงินแต่ละบาทที่คนกลุ่มนี้หามาได้นั้น หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงจริงๆ และด้วยความยากลำบากยิ่ง
ดังนั้นเขาควรต้องมีผู้เชี่ยวชาญและชำนาญหรือมี ที่ปรึกษาทางการเงินหรือนักวางแผนการเงินที่ มาช่วยวางแผนการลงทุนให้ เพื่อจะช่วยให้เขาสามารถมีเงินออมไว้ได้มากเพียงพอกับวัตถุประสงค์ของเขาในอนาคต
________________________________________________________________________________
การวางแผนเกษียณอายุ
หากกล่าวถึงการเกษียณอายุ คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งไกลเกินไปที่จะคิดและวางแผนเสียตั้งแต่วันนี้ โดยหารู้ไม่ว่าจริง ๆ แล้วการวางแผนเพื่อเกษียณอายุนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นและควรให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ ประกอบกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีต่าง ๆ ดังนั้น คุณจึงควรที่จะวางแผนเกษียณอายุเสียตั้งแต่วันนี้ โดยคำนึงถึงระยะเวลาแห่งช่วงชีวิต อัตราเงินเฟ้อ วิถีชีวิต รวมไปจนถึงปัญหาทางด้านสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวคุณด้วย
ในการวางแผนเพื่อการเกษียณอายุนั้น จะเริ่มตั้งแต่การกำหนดเป้าหมายที่ต้องการเหลังเกษียณ จากนั้นค่อยสำรวจความพร้อมของตนเองควบคู่ไปกับคำนวณความต้องการใช้เงินหลังเกษียณ ขั้นตอนต่อมาจึงกำหนดวิธีที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย โดยการเขียนแผนเป็นลาดลักษณ์อักษรและที่สำคัญต้องลงมือปฎิบัติตามแผน พร้อมทั้งทบทวนและปรับปรุงแผนการออมอย่างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การเกษียณอายุของคุณบรรลุเป้าหมายคุณควรศึกษาและติดตามข้อมูลเศรษฐกิจอยู่เสมอ กระจายสินทรัพย์เพื่อลดความเสี่ยง ทำประกันชีวิต และ สุขภาพ วางแผนภาษี บริหารจัดการสินทรัยพ์ที่มีอยู่ให้เรียบร้อย และหากมีเอกสารสำคัญก็ควรบอกให้คนใกล้ชิดทราบเผื่อหลงลืมเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการวางแผนเพื่อเกษียณอายุได้อย่างสมบูรณ์แบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
_________________________________________________________________________________
ร่วมออกแบบและวางแผนทางการเงินกับเราสิครับ เพื่ออนาคตที่สดใสของคุณและคนในครอบครัว
คลิกเลย..! 085-154-4935 ทุกวันเวลาทำการ _________________________________________________________________________