ขอบคุณที่มอบความไว้วางใจ ให้ทีมงาน Muangthai Life Agentsทีมงานที่ปรึกษาทางการเงินและประกันชีวิต ได้มีส่วนร่วมในการดูแลคุณและคนในครอบครัว เราพร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกันดูแลและเดินเคียงข้าง คุณและคนที่คุณรัก เพราะเราเป็นมากกว่าตัวแทนประกันชีวิต

บทความสอนใจ,ชีวิตพอเพียง,วอร์เรน บัฟเฟตต์,บิล เกตส์,nick vujicic,เมืองไทยประกันชีวิต

1.ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก วอร์เรน บัพเฟตต์ (Warren Buffet)

มีรายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน บัพเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก (รองจากบิล เกตส์) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศลถึง 31 , 000 ล้านดอลล่าร์  (เป็นเงินไทยก็ราวๆ 1,000,000,000,000 อ่านว่า 1 ล้าน ล้านบาท โอ้แม่เจ้า)           
                                                                        

ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา                           
                                                                        
1) เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป!                                                                        

2) เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์  
  
3) เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงาน  เมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม         
                                                                        
4) เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน                         
                                                                        
5) เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุด 
ในโลก                                                                   
                                                                        
6) บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของ 
บริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอ  เหล่านี้เป็นประจำ                                                           
                                                                        
7) เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ                                             
กฎข้อ 1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย                                         
กฎข้อ 2 อย่าลืมกฎข้อ 1                                                       
                                                                        
8 ) เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์       
                                                                        
9) บิล เกตส์ คนที่รวยที่สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบ   บัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน   
บัพเฟตต์                                                                   
                                                                        
10) วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน
                     
                                                                        
11) เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า :                                           
                                                                        
ที่สุดของชีวิตคือมีปัจจัย4อย่างเพียงพอนั่นเอง                                                                                                        
มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม1มื้อ เท่ากัน                                     
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน                               
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน                                                                 
มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน     

นี่คือ ปรัชญาชีวิตของมหาเศรษฐีอันดับ2ของโลก แล้วคุณล่ะ วันนี้ทำสิ่งที่มีคุณค่าของชีวิให้ตัวคุณและครอบครัวแล้วหรือยัง   ถ้ายัง  ทำไมคุณไม่ทำซะตั้งแต่ ตอนนี้ คลิกเลย
********************************************************************************
2.ในวันที่ฟ้า แผ่นดิน และ ผืนน้ำ อยู่ใกล้ชิดกัน

รู้มั๊ย..ว่าทำไม  เวลาที่ฝนตกเรามักจะนึกถึงคนที่เรารักผูกพัน และบางครั้งรู้สึกเหงาด้วย
เมื่อก่อนนี้...ท้องฟ้า..แผ่นดินและผืนน้ำเป็นเพื่อนรักกัน  ทั้งสามอยู่ใกล้ชิดกัน จนกระทั่ง โลกได้กำเนิดพืชและสัตว์
แผ่นดินและผืนน้ำก็มัวแต่จะดูแลเอาใจใส่พืชและสัตว์  จนละเลยไม่สนใจท้องฟ้าท้องฟ้าก็เริ่มรู้สึกน้อยใจ และถอยตัวห่างออกไป..ห่างออกไปทุกที  จนถึงวันที่ที่มีนกตัวแรกออกโบยบิน
แผ่นดินและผืนน้ำจึงได้รู้ว่า  ท้องฟ้าได้จากไปไกลแสนไกล  แผ่นดินและผืนน้ำพยายามส่งเสียงเรียกท้องฟ้า  แต่ท้องฟ้าอยู่ไกลมากเลยไม่ได้ยิน  นกตัวนั้นจึงอาสาที่จะไปบอกกับท้องฟ้า  นกก็บินสูงขึ้นสูงขึ้นและส่งเสียงเรียก แต่เสียงนกนั้นเบาเกินไป  ไปไม่ถึงท้องฟ้า  แต่นกก็สัญญาว่า  ต่อไปนี้ นกทุกตัวจะบินสู่ท้องฟ้า เพื่อนำข่าวจากแผ่นดินและผืนน้ำไปบอก ผืนน้ำและแผ่นดิน รู้สึกเศร้าใจที่เพื่อนได้ไกลห่าง  ออกไปไกลและคิดถึงเพื่อนเหลือเกิน  ผืนน้ำพยายามม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่นครั้งแล้วครั้งเล่า  แผ่นดินก็พยายามยกตัวสูงขึ้น จนตั้งตระหง่าน แต่นั้นก็ยังไม่สูงพอ ยังไม่ใกล้ท้องฟ้า
พระอาทิตย์ซึ่งเฝ้ามองดูเหตุการณ์มาโดยตลอด  ก็บอกกับทั้งสองว่า เราอาจจะช่วยพวกเจ้าได้  พระอาทิตย์จึงอาสาช่วย โดยการส่องแสงลงมายังพื้นน้ำและแผ่นดิน  ทำให้ระเหยกลายเป็นไอ  ลอยไปรวมตัวกันเป็นก้อนเมฆลอยขึ้นไปบอกข่าวแก่ท้องฟ้า  เล่าเรื่องราวต่าง ๆ เป็นรูปตามที่แผ่นดินและผืนน้ำได้พบเจอ  และบอกว่าแผ่นดินและผืนน้ำคิดถึงมาก อยากให้ท้องฟ้าลงมาสนิทแนบชิดเหมือนก่อน ท้องฟ้า ได้รับรู้เรื่องราวก็รู้สึกเสียใจ  แต่ก็กลับลงไปไม่ได้  ฉันกลับลงไปไม่ได้หรอก เพราะฉันเติบโตขึ้นและอยู่สูงเกินไป ลงไปไม่ได้แล้ว ฉันได้แผ่ขยายตัวเองจนกว้างขวาง  ที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่เฝ้ามองดูอยู่ไกล ๆ และโอบกอดแผ่นดินและผืนน้ำอย่างอ่อนโยนเท่านั้น  และถึงแม้จะมีนกบินมาส่งข่าว  แต่ฉันก็ยังคิดถึง แผ่นดินและผืนน้ำ  และอยากจะบอกกับทั้งสองว่า ฉันเองก็คิดถึงเพื่อนมากมายเพียงใดก้อนเมฆก็ตอบว่า  อยู่บนนี้นาน ๆ ก็เหงาเหมือนกัน อยากลงไปข้างล่างบ้าง ท้องฟ้าเลยบอกว่า ฉันก็เหงา แต่กลับลงไปไม่ได้แล้ว   แต่เจ้าลงไปได้นี่ ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งเจ้ากลับลงไป และความคิดถึงของฉันก็หนักมากพอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปหมดทั้งท้องฟ้า
จากนั้น ก้อนเมฆทั้งหมดก็รวมตัวกันและรวมเข้ากับความคิดถึงอันมากมายของท้องฟ้าและตกลงมาเป็นหยาดฝน  ส่งความรักและความคิดถึงมายังแผ่นดินและผืนน้ำ
จึงไม่แปลก  ถ้าเมื่อใดที่ฝนตก  แล้วเราจะคิดถึงคนที่เรารัก  คนที่เราผูกพันและบางครั้ง
 ...ท้องฟ้าก็ส่งความเหงาลงมาด้วย

วันนี้ คุณบอกรัก คนที่คุณรักและผูกพันแล้วหรือยัง  ถ้ายัง  คลิกเลย

______________________________________________________________



วันนี้คุณลุกขึ้นมาทำอะไร เพื่อคนที่คุณรัก แล้วหรือยัง
Muangthai Life Agent สนับสนุน ให้คุณ คลิก เพื่อคนที่คุณรัก
____________________________________________________________


ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เกิดขึ้นได้ แค่เพียงคุณ เปิดใจรับฟัง
เปิดรับสิ่งที่ดีกับชีวิตของคุณและครอบครัว
คลิกเลย
**************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น